อันไหนเหนื่อยกว่ากัน เรียนให้จบใน 4 ปี VS หางานให้ได้ใน 1 เดือน

  • 23 พ.ค. 2566
  • 1984
หางาน,สมัครงาน,งาน,อันไหนเหนื่อยกว่ากัน เรียนให้จบใน 4 ปี VS หางานให้ได้ใน 1 เดือน

อันไหนเหนื่อยกว่ากันคะ ?

เรียนให้จบใน 4 ปี VS หางานให้ได้ใน 1 เดือน

........

ใครเคยรู้สึกเบื่อและเหนื่อยกับการเรียน อยากจบออกมาทำงานเร็ว ๆ บ้าง ? แต่พอออกมาแล้ว !!

 

สำหรับบางคนอาจคิดว่า ตอนเรียนแค่อดทนตั้งใจยอมเหนื่อยให้จบใน 4 ปี เดี๋ยวก็ได้งานทำแล้ว ทีนี้ก็สบาย คงไม่มีอะไรหนักไปกว่าการเรียนแล้วแหละ แต่เมื่อถึงเวลาหางาน กว่าจะถูกเรียกสัมภาษณ์ กว่าจะได้งานซึ่งก็ไม่ง่ายเลยที่จะได้ภายใน 1 เดือน

 

แต่บางคน เรียนจบมาแล้ว หางานได้ทันที ช่วงแรกอาจมองว่า เรียนเหนื่อยกว่า แต่เมื่อทำงานไปเรื่อย ๆ ก็อยากย้อนกลับไปสมัยเรียน มีแค่เรียน สอบและปิดเทอม เหนื่อยช่วงเดียวก็ได้พักเป็นเดือน แต่ทำงาน มีเวลาพักแค่ 1 หรือ 2 วันต่อสัปดาห์ แค่นอนก็หมดเวลาไปเกือบครึ่งวัน ไหนจะทำงานบ้าน แป๊บ ๆ ก็วันจันทร์แล้วววว

 

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักศึกษาจบใหม่ในแต่ละปีมีหลายแสนคน แถมยังมีรุ่นพี่ซึ่งมีประสบการณ์และกำลังหางานอีกไม่น้อย การหางานจึงต้องแข่งขันสูงมาก ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ องค์กรไม่ได้มีกำลังจ้างได้เท่าแต่ก่อน การจะรับใครเข้ามา บุคคลนั้นก็ต้องมีความสามารถที่ตรงความต้องการจริง ๆ ยิ่งหากทำอะไรได้หลายอย่างก็ยิ่งได้เปรียบ ฉะนั้น เรซูเม่ที่ไม่มีจุดเด่น โชว์แค่ทักษะทั่วไปที่ใครก็ทำได้ หรือเขียนแค่วุฒิการศึกษา ไม่ระบุทักษะเฉพาะทางและประสบการณ์มาเลย โอกาสก็ยิ่งน้อยไปอีกค่ะ 

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเขียนอะไรก็ได้ ให้เยอะ ๆ ไว้ก่อน ..เยอะแต่ไม่ตรงตามต้องการ โอกาสก็ 0 อยู่ดีนะคะ

สิ่งสำคัญในการเขียนเรซูเม่สมัครงาน คือ ต้องหางานที่ตรงกับความสามารถของตัวเองก่อน แล้วโชว์ความสามารถนั้นลงในเรซูเม่ให้ชัดเจนด้วยค่ะ กลับไปตรวจสอบให้ละเอียด ว่าคุณระบุข้อมูลความสามารถและประสบการณ์ที่ตรงหรือสอดคล้องกับประกาศงานนั้นรึยัง ? ถ้าตรงแล้ว ก่อนส่งไปสมัครก็ต้องตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดให้ดีด้วยนะคะ ถ้ามั่นใจแล้วค่อยส่งไปค่ะ

 

 เช่น รับสมัคร พนักงานบัญชี ต้องมีทักษะการใช้โปรแกรม Express ถ้าคุณมีทักษะนี้ นั่นแปลว่าคุณมีจุดเด่นที่เขาต้องการ แต่ถ้าคุณระบุในเรซูเม่แค่ว่า มีทักษะการใช้ Microsoft Office (Word, Excel) คุณก็จะเป็นแค่บุคคลทั่วไปที่ไม่สามารถทำงานให้เขาได้ !!

 

อย่าลืมนะคะ ในประกาศงานเขามีระบุไว้หมดแล้วว่าต้องการคนแบบไหน ต้องมีทักษะอะไร ต้องใช้เครื่องมืออะไรในการทำงานบ้าง และถ้าคุณสมบัติของคุณตรงตามนั้น คุณก็คือคนที่เขาตามหา แต่เรซูเม่คือด่านแรกของการหางาน คุณก็ต้องเขียนเรซูเม่ที่สามารถบอกให้เขารู้ได้อย่างชัดเจนด้วยว่า คุณคือคนที่ใช่ที่สุดเลยค่ะ

 

และเมื่อ HR โทรมาเรียกแล้ว อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าก่อนไปสัมภาษณ์ด้วยนะคะ โอกาสได้งานจะมากน้อยย่อมอยู่ที่ความพร้อมของคุณค่ะ

 

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ตลอดเวลาในกลุ่มนี้ค่ะ https://jobbkk.com/go/ZxTGD

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

เทคนิคการเขียนประสบการณ์ในเรซูเม่แบบลงรายละเอียด เพิ่มโอกาสได้สัมภาษณ์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ คลิกอ่านเพิ่มเติม >> https://jobbkk.com/go/kWPOA

การใส่คีย์เวิร์ดทรงพลังในเรซูเม่ ดึงดูดให้ HR เรียกสัมภาษณ์ทันที คลิกอ่านเพิ่มเติม >> https://jobbkk.com/go/4gPmO

5 ข้อต้องเตรียมก่อนไปสัมภาษณ์งาน พร้อมทุกข้อคือ Perfect >> https://jobbkk.com/go/AzyBq

 

มีโอกาสได้งานทันที คลิกสมัครเรซูเม่วันนี้ ฟรี

หางานด่วน เปิดรับกว่า 142,647 อัตรา คลิก >> https://jobbkk.com/go/YtvVO

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top